ฟังความอ่อนแอ

การวาดภาพ การเล่นดนตรี การแต่งกลอน
สำหรับผมที่อาจไม่ได้ทำอะไรพวกนี้ได้ดีเด่นสักเท่าไหร่
จุดร่วมการทำงานพวกนี้ ที่ผมชอบอย่างนึงก็คือ
มันเป็นช่วงเวลาที่ได้นั่งฟังความรู้สึกต่างๆ มันถ่ายทอดตัวเองออกมา
จากสิ่งที่ไม่มีตัวตน กลายเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นนิดหน่อย
ผมว่าสิ่งที่กลอนครั้งนี้จะถ่ายทอด
ก็คงคือ
เศษเสี้ยวหนึ่งของรูปธรรม
ของความอ่อนแอ

อยากให้เธอปลอบใจ
กอดเธอไว้ให้หายเหงา
รอบตัวมีเพียงเงา
ที่ไอเศร้าลอยระเหย

ฉันรู้มีเพียงฉัน
ทุกทุกวันที่ผ่านเลย
ซึมซึม ณ อกเอย
คล้ายเฉยเฉยจริงอ่อนแอ

ฉันเข้าใจว่าฉันไหลล่องลอย
กลางกระแสฟองฝอยของความหวัง
แลความเห็นแก่ตัวความชิงชัง
แม้ได้ยินไม่เคยฟังโอ้คนเรา

โอ้ฉันเอยเคยไหมฟังผู้คน
ที่ดิ้นรนและสับสนและยึดเสา
มัวคิดว่าเข้าใจกลายเป็นเรา
ที่ไม่ฟังใครเขาเลยสักคน

อันชีวิตยิ่งคิดยิ่งไม่เห็น
คิดไม่เป็นภาพที่เห็นยิ่งสับสน
คิดเป็นแล้วจึงรู้ให้เพียงรู้ตน
เมื่อรู้ทุกข์ว่าคือตนคงจบเอย

อะไรอยู่ในใจ

อะไรอยู่ในใจ    ฉันหาไม่รู้ตัวเอง
ครวญคิดจิตครื้นเครง    เพียรกระจ่างซึ่งสิ่งสรรพ์

คืนวันฉันค้นหา    เว้นเพียงว่าที่ใจฉัน
อาจบางทีคืนวัน    จะกร่อนฉันจนกลวงเปล่า

มองโลกด้วยตอนนี้    รู้สึกดีคล้ายดวงดาว
กลับยามอารมณ์เร้า    จนคล้ายเห็นเพียงฟ้าดำ

มองใจที่โอนเอน    ควรทำเช่นใดโอ้กรรม
เพื่อรู้ทันใจทำ    เพื่อกระจ่างซึ่งตัวเอง